make me shudder 3

make me shudder 3 ได้เริ่มขึ้น เมื่อกลุ่มจอมแสบจากห้อง มอ 6/5 สอบไฟนอลเสร็จ และก็ก่อนจะแยกย้ายจากกันไป เลยตกลงใจจับกลุ่มเริ่มเดินทางท่องเที่ยวกันที่จังหวัดภูเก็ต แม้กระนั้นดูท่าการเดินทางท่องเที่ยวในคราวนี้ของพวกเขานั้นมีอะไรให้จำเป็นต้องสนุก กรี๊ดกร๊าดกันอีกแล้ว แม้อยากทราบอาจต้องตามมาดูกัน อีกทั้ง จอห์น เดวิด วอชิงตัน ที่เล่นดราม่าเอาอยู่, เจมมา เฉลียง ลุคนี้งามเสน่ห์ขึ้นกล้องถ่ายรูปมากมาย

และก็งานก่อนหน้าของเขาเองอย่าง ‘Rogue One’ ที่ยังจับเอากลิ่นมาใส่เอาไว้ภายในหนังประเด็นนี้อย่างแจ่มแจ้ง หรือแม้กระทั้งพล็อตแนวเด็ก-คนแก่เสี่ยงภัยแบบซามูไรบิดาลูกอ่อน ในขณะยานโนแมด (Nomad) อาวุธมีอานุภาพของอเมริกาที่มีเรดาร์สำหรับใช้ค้นหา make me shudder 3 รวมทั้งยิงมิสไซส์ทำลายศัตรูในเรื่อง ก็เชื้อเชิญให้คิดถึงดาวพิฆาต (Death Star) ใน ‘Star Wars’ ที่จักรวรรดิกาแล็กติกใช้ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุได้เช่นเดียวกันส่วนน้องเมเดลีน

จริงๆแล้วพล็อตแนวการรบระหว่างคนกับ AI แล้วก็พล็อตแนวเสี่ยงอันตรายลักพาตัวเด็กบางทีอาจจะไม่ใช่พล็อตที่สดใหม่เสียเชิงเดียว แม้กระนั้นก็จำเป็นต้องเห็นด้วยว่า ในฐานะคนประเทศไทย การได้มองเห็นฉากแล้วก็ส่วนประกอบความเป็นอิสระย ได้ยินมุกซึ่งมีแต่ชาวไทยรู้เรื่องในหนังฮอลลีวูด ได้เห็นภาพว่าประเทศไทยมันโก้ขนาดนี้ได้ด้วย เท่านี้ก็ถือว่าตื่นเต้นไม่น้อยแล้วล่ะ ส่วนเหล่าดาราก็เด็ดมาก ก็เด่นรวมทั้งเล่นพาร์ผายลมราม่าได้ดูดีมีแววมากมาย

make me shudder 3

make me shudder 3 (2015) มอ 6/5 ปากหมาท้าผี 3

กรุ๊ปเพื่อนฝูงท่องเที่ยวพักที่จังหวัดภูเก็ตหลังสำเร็จการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย พวกเขาสร้างเต็นท์ใกล้กับริมทะเล แต่ว่าโชคร้ายสำหรับพวกเขา ลมพายุลูกใหญ่บังคับให้พวกเขาย้ายเข้าไปอยู่ในอพาร์เม้นท์ใกล้ๆพวกเขาตกลงใจที่จะนอนที่บังกะโลในคืนวันนี้ อย่างไรก็ดี พวกเขาทั้งปวงถูกปลุกด้วยความฝันอันน่าสยองขวัญเรื่องภัยอันตรายสึนามิสิ่งเดียวกัน ภาพที่น่าขนลุกทักพวกเขาเมื่อพวกเขาลืมตาขึ้น

อีกอย่างเป็น มองเห็นเป็นหนังไซไฟอย่างงี้ แม้กระนั้นจริงๆใช้ทุนเพียงแค่ 80 ล้านเหรียญเองครับผม หนังไซไฟยุคนี้ อย่างน้อยๆก็จำเป็นต้อง 150-200 ล้านเหรียญขึ้น ส่วนหนึ่งส่วนใดเพราะว่าเน้นย้ำถ่ายในโลเคชันจริงเป็นหลัก ประสานกับงานวิชวลที่สามารถเรียกได้เลยว่าออกจะเพอร์เฟ็คทีเดียว มีแอบหลุดๆบ้างแม้กระนั้นจัดว่าน้อย ข้างในเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์เต็มไปด้วยศพที่ถูกห่อไว้ พวกเขาคลานผ่านศพความคาดหวังจะหนีออกมาจากบังกะโล

และการใช้กล้องถ่ายภาพ Sony FX3 กล้องถ่ายรูป Cinema Line รุ่นเริ่มขนาดเล็กที่ถ่ายทำได้แคล่วคล่องว่องไว แต่ว่าบันทึกภาพได้ในระดับ IMAX ในอัตราส่วน 2.76 : 1 ซึ่งก็จะต้องดูว่างานด้านภาพทำออกมาได้เกินคาด ก็แค่ด้วยประสิทธิภาพ ความลึกของภาพโดยรวมบางครั้งอาจจะมิได้ถึงกับว้าว มองระบบ IMAX ฟังงานสกอร์ทรงประสิทธิภาพของ ฮันส์ ซิมเมอร์ (Hans Zimmer) ก็ถือว่าคุ้ม แม้กระนั้นถ้าเกิดมองในระบบธรรมดาก็มิได้ถึงกับโชคร้ายอะไร

ตัวบทหนังทำออกมาแบบมองได้เพลิดเพลินๆครับ มีการเล่าแบ่งเป็นองก์ย่อยๆเอาไว้ บทพากเพียรแทรกสอดความเป็นหนังแอ็กชันไซไฟ เสี่ยงอันตราย ดราม่า แทรกมุกฮาเล็กๆที่มองได้ง่ายทั้งยังครอบครัว มีฉากแทบเจ็บตับนิดหนึ่ง แต่ว่าเพียงพอมันยืม Reference จากหนังไซไฟรุ่นพี่มาออกจะมากมาย ทำให้พล็อตก็เลยมิได้มีอะไรที่ผิดแผกแตกต่างหรือฉีกแหวกไปจากสิ่งที่คนชอบดูหนังไซไฟเคยชินกันอยู่แล้ว

อีกจุดเป็น การเดินเรื่องในองก์ข้างหลังๆที่มานะปูเรื่องเพื่อปลุกอารมณ์อะไรบางอย่าง กลับถูกเล่าแบบเพียงแค่ให้เริ่มเข้าใจ แต่ว่ามิได้เชื้อเชิญให้รู้สึกเชื่อในเหตุผลของผู้แสดงได้มากนัก แปลงเป็นช่องโหว่ใหญ่ๆหลายจุด ทำให้หนังหัวข้อนี้ยังไม่อาจจะถ่ายทอดความมีหัวจิตหัวใจ เพิ่มความเป็นปรัชญาลึกซึ้งของตัวหนังรวมทั้งผู้แสดงออกมาได้เพอร์เฟ็คนัก แล้วก็พล็อตบางจุดที่มองรวบรัดเกินความจำเป็นอย่างโชคร้าย

แต่ว่าแม้กระนั้น มันก็ยังเป็นหนังไซไฟออริจินัลที่มีครบถ้วนบริบูรณ์ ทั้งยังฉากที่ตื่นตาตื่นใจเกินจินตนาการ และก็เรื่องราวที่มองได้แบบเพลิดเพลินๆครบทุกอารมณ์ เป็นหนังไซไฟที่คนเขียนมั่นใจว่าคนประเทศไทยจะมองกระทั่งจบ End-Credits แน่ๆ

รีวิว

เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มเด็กสั้นมัธยม6/5ได้เรียนจบมัธยม6และรุ่นน้องอย่างเน็ทกับไบรอันที่ได้เลื่อนชั้น พวกเขาได้รวมตัวกันเพื่อเริ่มเดินทางท่องเที่ยวกันที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อไปถึงจังหวัดภูเก็ตพวกเขาก็กางเต็นท์นอนกินบรรยากาศกันที่ชายฝั่งทะเลแต่จู่ๆก็มีพายุฝนพัดมาอย่างมาก ทำให้พวกเขาต้องหนีลมพายุไปหลบฝนกันที่โรงแรมร้างเพื่อรอฝนหยุด กลุ่มเด็กเตียนทั้งสิ้นได้เผลอหลับไปในห้องห้องหนึ่งในบังกะโล นิกหัวหน้ากลุ่มได้ฝันว่าพวกเขาเจอสึนามินิกตื่นมา

พวกเขาดูได้พักหนึ่งทีวีก็ปิดไฟในห้องก็ดับทั้งกลุ่มต่างถามนิกว่าได้ไปท้าทายอะไรอีกรึประกาศแต่โอกาสนี้ไม่ใช่นิกที่ปากเสียท้าแม้กระนั้นแปลงเป็นเน็ทและก็ไบรอันคู่จิ้นตัวกวนที่อยากได้ทดสอบปากเสียท้าทายดูบ้าง เน็ทถือโทรศัพท์มือถือขึ้นมากะจะเปิดไฟแต่ว่ากล้องถ่าย make me shudder 3 สำหรับภาพโทรศัพท์เคลื่อนที่ดันถ่ายรูปเองซึ่งรูปที่เขาเห็นเป็นห่อศพที่วางอยู่เต็มห้อง โวยวายเสียงดังทำให้ทุกคนตื่นกันหมดแล้วจู่จู่ทีวีก็เปิดเองเป็นข่าวของสึนามิ

ทั้งปวงส่องไฟดูก็เห็นห่อศพอยู่เต็มห้องเสมอเหมือนในรูปทั้งหมดก็เลยวิ่งหนีออกมาก็ยังเจอห่อศพเต็มทางเดินอพาร์เม้นท์ไปหมดพวกเขาวิ่งหนีผีหาทางออกไปทั่วจนกระทั่งมาเจอกับกลุ่มวัยรุ่น3คนที่มาส่องผีที่ตึกร้างแล้วหาทางออกไม่เจอ 3คนหมายถึงพี่ดอ ไอ้ฮิ่นรวมทั้งไอ้อี๊ตอีกอีกทั้ง3ได้เล่าถึงที่มาที่ไปความน่ากลัวของตึกร้างที่นี้ให้กับเด็กๆฟัง แต่ว่ายังไม่ทันเล่าจบผีก็ออกมาหลอกพวกเขาอีกทำให้พวกเขาต้องหนีหาทางออกกันวุ่นวาย

make me shudder 3

รีวิว The Creator: การศึกคนปะทะ AI ไซไฟหลักสำคัญคุ้น กับวิชวลประเทศไทยที่แปลกล้ำเหมือนกับ Midjourney

ถึงแม้ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา มึงเร็ท เอ็ดเวิร์ดส์ (Gareth Edwards) จะเป็นผู้กำกับสายหนังไซไฟที่ดูแลหนังมาเพียงแค่ 4 เรื่องเพียงแค่นั้น แม้กระนั้น 3 เรื่อง ไล่ตั้งแต่เรื่องแรก ‘Monsters’ (2010) งานไซไฟสยองขวัญทุนต่ำ 500,000 เหรียญ ก่อนกระโจนมาจับแฟรนไชส์ไซไฟฟอร์มยักษ์ทั้งยัง ‘Godzilla’ (2014) รวมทั้งผลงานที่ลือลั่นก็อาจจะหนีไม่พ้น ‘Rogue One: A Star Wars Story’ (2016) ที่ได้รับคำกล่าวชมเชยอย่างเหลือเฟือ ปีนี้ เอ็ดเวิร์ดส์ขอกลับมาจับงานไซไฟออริจินัลของตนอีกทีใน ‘The Creator’

ตัวหนังได้ คริส ไวซ์ (Chris Weitz) คนเขียนบทร่วม รวมทั้ง เกร็ก เฟรเซอร์ (Greig Fraser) ผู้กำกับภาพที่เอามาจาก ‘Rogue One’ มาทำงานด้วยกันอีกที ที่น่าดึงดูดเป็น การใช้โลเคชันสถานที่เที่ยว แล้วก็สถานที่สำคัญในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยกว่า 40 สถานที่จาก 16 จังหวัด ใน 212 ฉาก ยิ่งไปกว่านี้ก็ยังมีชาวไทยไปร่วมดำเนินการด้าน Production Service รวมทั้งเป็นดารามี

หนังเล่าในอนาคตในปี 2070 ประเทศสหรัฐอเมริกาเจอเหตุระเบิดนิวเคลียร์จู่โจมลอสแองเจลิส คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของ AI รัฐบาลก็เลยรีบประเดิมการศึกทำลาย AI ให้หมดสิ้น โจชัว (จอห์น เดวิด วอชิงตัน – John David Washington) สมัยก่อนข้าราชการหน่วยรบพิเศษผู้สูญเสียเมีย มายา (Gemma Chan – เจมมา ระเบียง) ถูกเลือกให้กลับมารับหน้าที่ตามล่า เนอร์มาตา (Nirmata) ผู้สรรสร้างที่คาดว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง AI ทั้งสิ้น

ที่อาศัยอยู่ใน ‘นิวทวีปเอเชีย’ ดินแดนที่ยังคงมีคนรวมทั้ง AI ดำรงชีวิตด้วยกันอย่างธรรมดาสุข แม้กระนั้นแล้วเขากลับต้องมาพบว่า อาวุธทรงประสิทธิภาพที่กองทัพหมายหัว กลับกลายเพียงแค่ AI เด็กน้อยที่มีชื่อว่า แอลฟี (เมเดลีน ยูนะ วอยเลส – Madeleine Yuna Voyles)… งานนี้แก๊งค์สุดสั้น puracash รีวิวเว็บพนัน มอ 6/5 ไม่ได้เจอกับผีธรรมดาเหตุเพราะภาคนี้ผี!! ยกกันมาทั้งยังฝูงมาแบบไม่ได้ตั้งตัว

ความสะดุดตาแล้วก็สดใหม่ของหนังไซไฟประเด็นนี้ก็อาจจะหนีไม่พ้นภาพของการแบ่งโลกออกเป็น 2 ฟากฝั่งทางความนึกคิดที่สะท้อนไปถึงวัฒนธรรม รวมทั้งความไม่ถูกกันทางแนวความคิดเกี่ยวกับ AI และก็ในทางการบ้านการเมือง ฝั่งนิวทวีปเอเชียเป็นผู้แทนของความมากมายด้านวัฒนธรรมที่โอบรับ AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของสังคม ภาพของโลกอนาคตแบบ Cyberpunk ท่ามกลางท้องนาชายป่า บ้านนอก สถานที่

แล้วก็บรรยากาศแบบไทยๆก็เลยเป็นอะไรที่โคตรล้ำ ผิดตา และก็มีเอกลักษณ์มากมาย แม้กระนั้นในเวลาเดียวกันมันก็มองกลมกลืนมากมายๆจำพวกที่เด็กวิ่งเล่นกับหุ่นยนต์ได้แบบไม่ตกอกตกใจ จนถึงนักเขียนแอบมีความรู้สึกว่าฉากต่างๆนี่เป็นผลจากการ Prompt คำบัญชาให้ Midjourney รอ Generate ออกมาแน่นอนน่าจะเป็นภาพยนตร์ฝรั่งที่มีชื่อคนประเทศไทยในเครดิตเยอะที่สุดเรื่องหนึ่งแล้วล่ะ

make me shudder 3

รีวิว No One Will Save You: ตื่นเต้นวันเอเลียนล่า ดีเลิศโดยไม่มีบทสำหรับพูด กระนั้นจบแอบยากไปนิด

บรินน์ เด็กผู้หญิงที่อาศัยอยู่คนเดียว เพราะว่าสมัยก่อนอะไรบางอย่างของคุณทำให้ไม่มีผู้ใดในเมืองเลยที่ต้องการใกล้คุณ แต่ว่าแล้วคืนวันหนึ่งอะไรบางอย่างจากฟ้าก็พุ่งความพอใจมาที่คุณและก็ออกไล่ล่าคุณอย่างไม่ลดละ ‘No One Will Save You’ เป็นหนังไซไฟตื่นเต้นเรื่องปัจจุบันที่ออกฉายทาง Disney+ Hotstar ดังนี้ตัวหนังมีความน่าดึงดูดใจหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้พวกเราไม่อาจมองผ่านประเด็นนี้ไปได้

ประการแรกนี่สำเร็จงานเรื่องที่ 2 ของผู้กำกับ ไบรอัน ดัฟฟิลด์ (Brian Duffield) ถึงแม้ในมุมงานควบคุมจะยังขาดผลงานให้แฟนหนังคนประเทศไทยจำชื่อ แต่ว่าเขาก็เป็นคนมีเรื่องมีราวเล่าที่น่าดึงดูด ทั้งยังในหนังไซไฟก้าวพ้นวัยเรื่องแรกของเขา ‘Spontaneous’ (2020) ที่ว่าด้วยเด็กมัธยมสถานศึกษาหนึ่งกำเนิดร่างกายระเบิดขึ้นเองอย่างไร้ต้นเหตุ make me shudder 3 รวมทั้งทำให้พวกเขาทุกคนจะต้องถูกกักบริเวณหาวิธีรักษาแล้วก็มีพื้นที่บางๆให้สองผู้แสดงหลักได้ผูกสัมพันธ์กัน

แต่ว่าแม้ว่าจะจองหองหนให้มีความเป็นไซไฟล้้าจัดๆแต่ว่าตัวหนังเองก็มิได้วางตัวให้เป็นหนังขบคาดคั้นปรัชญาอะไรขนาดนั้นครับ เพราะเหตุว่าตัวหนังเองถูกวางพล็อตเอาไว้แบบง่ายๆดำเนินเรื่องค่อนข้างจะเร็ว ในบรรยากาศและก็พล็อตแนวหลังโลกล่มสลาย (Post-Apocalypse) หรือแนว Dystopia ที่เชิญให้ระลึกถึงการอ้างอิงจากหนังรวมทั้งอนิเมะหลายเรื่อง ตั้งแต่ ‘Blade Runner’ (1982), ‘Akira’ (1988)

แล้วก็ในหน้าที่มือเขียนบทนั้นยิ่งน่าดึงดูด เขาเป็นคนเขียนบท ‘Love and Monsters’ (2020) ที่ประสานแฟนตาซีแล้วก็โรแมนติกได้พอดีแปลงเป็นหนังม้ามืดที่ครอบครองใจคนใดไปคนจำนวนไม่น้อย ซึ่งพอเพียงดัฟฟิลด์ที่ห่างหายไปยาวนานกว่า 3 ปีกลับมาพร้อมหนังไซไฟตื่นเต้นมันก็เลยทำให้มองน่าดึงดูดไม่น้อยว่าเขาจะเล่าอะไร‘E.T. the Extra-Terrestrial’ (1982), ‘A.I. Artificial Intelligence’ (2001), ตรีภาค ‘The Matrix’, ‘Avatar’ (2009) อื่นๆอีกมากมาย

ตัวหนังจะพาพวกเราไปมองดูเรื่องราวผ่านสายตาของเด็กผู้หญิงชื่อ บรินน์ ที่อยู่ในบ้านเพียงผู้เดียว ก่อนที่จะพวกเราจะเริ่มผิดสังเกตว่าคุณไม่มีความสัมพันธ์กับคนภายในชุมชนเลย หรือดูอีกมุมคนภายในชุมชนของคุณก็ไม่ยินดีที่จะทักกับคุณด้วยเหมือนกัน นอกเหนือจากความแปลกของตัวบรินน์ที่ทำเป็นเพียงแค่นั่งคุยกับที่ฝังศพแม่ตนเองแล้วก็เขียนจดหมายถึงเพื่อนฝูงในวัยเด็กที่ชื่อ ม้อด ซึ่งไม่เคยปรากฏให้พวกเราทราบดีว่าคุณเป็นคนไหนกันเลย

ตัวหนังก็เริ่มใส่สัญญาณถึงความผิดแปลกนอกตัวบรินน์มาเพิ่ม เมื่อคุณมองเห็นสนามหน้าบ้านคุณมีต้นหญ้าตายเป็นรูปวงกลม รวมทั้งเมื่อภาพมุมสูงฉายไปบริเวณพวกเราก็จะพบว่ามีรอยวงกลมแปลกๆนี้อยู่ในหลายบ้านทั่วทั้งเมืองเลยซึ่งก็เป็นการเปรียบเทียบความยุ่งวุ่นวายรวมทั้งปัญหาชีวิตของพวกวัยรุ่นที่กำลังจะแปลงเป็นคนแก่ได้อย่างน่าดึงดูด

นี่เป็นความน่าดึงดูดใจประการถัดมา make me shudder 3 ถ้าพิจารณาที่พวกเราได้มองมาถึงจุดเกริ่นเรื่องราวนี้ หนังเล่าด้วยภาษาภาพเกือบจะทั้งหมด โน่นเป็นดัฟฟิลด์ตั้งอกตั้งใจเล่าหนังประเด็นนี้โดยแทบจะไม่มีบทสำหรับพูดเกิดขึ้นเลย ทั้งที่ยังไม่ตายความท้าในฐานะนักเล่าเรื่อง แล้วก็ยังเป็นเจตนาที่จะสะท้อนความไม่มีความเกี่ยวข้องกับผู้คนของบรินน์อย่างสิ้นเชิง ซ้ำเติมไปที่ชื่ออีกว่า ‘ไม่มีผู้ใดช่วยคุณได้หรอก’ นั้นไม่เกินเลยเลยสำหรับบรินน์