แสงกระสือ 2 เต็มเรื่อง

แสงกระสือ 2 เต็มเรื่อง ดูมีความน่าสนใจและให้ภาพที่ต่างจากหนังภาคแรกแจ่มชัดที่สุดคือการเดินเรื่องภายใต้สังคมสยามที่ฝรั่งเป็นใหญ่ เดาเอาว่าน่าจะเป็นยุคสงครามเวียดนามหรืออะไรเทือกนี้ โดยในหนังมี 2 ตัวละครสำคัญคือบาทหลวงออกัสตินและนายทุนฝรั่ง ซึ่งในกรณีของบาทหลวงออกัสตินยังมีที่ทางให้คือเป็นคนสกัดยาจากว่านกระสือและเป็นคนเลี้ยงดูคล้าว แต่ตัวนายทุนฝรั่งถูกใส่มาแบบงง ๆ ว่าจะมาเพื่ออะไร ต้องการกระสือไปทำโชว์หรืออะไรหรือไม่ ยิ่งในบทสรุปแล้วพอหนังจะดำเนินรอยตามหนังภาคแรก

การมีอยู่ของนายทุนฝรั่งเลยกลายเป็นส่วนเกินโดยปริยาย นอกจากนี้หนังยังทำให้ตัวละครที่ดูเหมือนจะมีประเด็นสำคัญของเรื่องอย่าง อนันต์ ที่รับบทโดย ภูมิภัทร ถาวรศิริ โดยหนังปูให้ตัวละครอนันต์เป็นลูกบุญธรรมบาทหลวงออกัสตินและคอยดูแลคล้าวตั้งแต่เขายังเด็ก พอกลับมาไทยในฐานะนักวิจัยทางการแพทย์หนังยังไม่ให้โอกาสเขาในการแสดงสิ่งที่เรียนมาเลยจนน่าเสียดายที่แม้แต่ตัวละครที่ถูกสร้างมาน่าสนใจถูกทิ้งขว้างแบบนี้ ประเด็นต่อมาคือการไม่เล่าที่มาที่ไปของปรากฎการณ์ในหนัง แสงกระสือ 2 ใช้เงื่อนไขต่างจากหนังภาคแรกเพราะในขณะที่เดิมหนังเล่าเรื่องในหมู่บ้านห่างไกลช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และมันเอาเรื่องความกลัวกระสือมาผูกโยงกับภาวะความเป็นอื่นของวัยรุ่น โดยมีผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่ต้องการล่าแม่มดเป็นเงื่อนไขสำคัญของเรื่อง

แต่ในหนังภาคนี้มันกลับเลือกตัดประเด็นดังกล่าวทิ้ง ซึ่งมองว่ากล้าหาญนะครับ แต่ในเมื่อตัวละครนายทุนฝรั่งเองหนังก็ไม่อธิบายว่ามาทำธุรกิจชั่วอะไรที่เมืองไทยบ้างนอกจากซื้อเด็กชาวเขาจากพ่อแม่ มิหนำซ้ำหนังยังไม่ได้อธิบายเลยว่านายทุนต้องการเอากระสือไปทำอะไร จะเอาไปโชว์ในงานวัดหรืออย่างไร หรือแม้แต่ตัวบาทหลวงออกัสตินเองก็ยังมีประโยคตอนท้ายที่เปิดประเด็นใหม่ขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยจนทำผู้ชมงงไปตาม ๆ กัน และยิ่งไปกว่านั้นตัวละครอย่างพันธุ์ที่ดูน่าจะมีที่มาที่ไปกลับถูกจัดวางมาเหมือนตัวสลับเรื่องกับความรักระหว่างสาวกับคล้าว เพราะถึงแม้จะมีเรื่องประเด็นครอบครัวที่เขาต้องปกป้องหรือสัตว์ร้ายในตัว แต่หนังก็ให้พันธุ์ทำหน้าที่แค่มาล่ากระสือ ชักดิ้นชักงอแสงกระสือ 2 - Official Teaser [ซับไทย] - YouTube

ไปรับงานสลับอดีตที่ไม่รู้ว่าใส่มาทำไมนอกจากจะอธิบายเรื่องอสูรในตัวของเขาเท่านั้นเองจนเสียดายฝีมือการแสดงของพี่ปีเตอร์ นพชัย ชัยนาม ที่อุตส่าห์ตีความตัวละครได้น่าสนใจหลายจุด มาถึงประเด็นสุดท้ายเรื่องพัฒนาการตัวละคร ที่แม้แต่ตัวละคร น้อย ที่รับบทโดยพี่น้อย กฤษดา เองเราก็ยังไม่รู้สึกว่านี่คือคนเดียวกับน้อยในหนังภาคแรก แม้การแสดงของพี่น้อยทำให้ตัวละครนี้มีมิติทั้งความผิดบาปที่ตัวเองเคยรับน้ำลายกระสือมาหรือความอ่อนล้าจากการที่ต้องเฝ้าสาวในยามวิกาลกระทั่งนำไปสู่บทสรุปสุดเดือดก็ยังมิอาจแบกหรืออุดช่องโหว่ให้หนังได้มากนักแสงกระสือ2 – Twitter Search / Twitterยิ่งพอหนังจะพยายามขายเรื่องราวความรักระหว่างสาวกับคล้าว มันก็ดันถูกนำเสนอเหมือนหนังโฆษณาหรือมิวสิกวิดีโอไปซะอีก

แม้ทั้งสองคาแรกเตอร์จะมีความน่าสนใจในมิติของตัวประหลาดและได้การแสดงดี ๆ จากนิ้ง ชัญญาและเจเจ กฤษณภูมิ แต่ในเมื่อหนังใส่มาแค่ฉากเดินตลาดที่ผู้คนมองพวกเขาด้วยสายตาเป็นอื่นเพียงเท่านั้น อุปสรรคความรักของทั้งคู่เลยดูเบาบางเกินไป ผิดกับรักสามเส้าระหว่างสาย น้อยและเจิดในหนังภาคแรกที่เต็มไปด้วยประเด็นสังคมการเมืองที่ชวนเจ็บปวดและใจสลายมากกว่า สรุปแล้ว ‘แสงกระสือ 2’ ถือเป็นหนังไทยเรื่องหนึ่งที่มีงานโปรดักชันและภาพรวมการแสดงที่น่าสนใจนะครับแถมงานซีจีต่าง ๆ ก็ดูตั้งใจยกระดับหนังไปอีกขั้น แต่เสียดายบทหนังที่ไม่ได้ถูกให้ความสำคัญมากพอเลยทำให้หนังออกมาดูแหว่งวิ่นภายใต้หีบห่อที่ดูสวยงามไปอย่างน่าเสียดาย

อ้อ ! หนังมีฉากหลังเอนด์เครดิต 1 ตัวนะครับเผื่อใครอยากเห็นการปูทาง Monsterverse ฉบับเนรมิตรหนังฟิล์ม

ยอมรับเลยว่าครั้งแรกที่ได้ยินว่าหนึ่งในหนังมอนสเตอร์ไทยที่เคยทำเอาไว้ได้ดีมาก ๆ กำลังจะมีภาคใหม่ ที่เป็นการสานต่อเรื่องราวจากต้นฉบับที่จัดได้ว่าอยู่ในจักรวาลเดียวกัน กลับมาอีกครั้งใน ที่มากับคอนเซ็ปต์ของตำนานผีสาวที่คนไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่มาผูกเข้ากับความรักที่มีความแตกต่างของสายพันธุ์ ที่เป็นทั้งรักที่ไม่น่าจะเป็นไปได้และรักที่แสนอันตรายระหว่างพวกเขา สำหรับในภาคนี้เล่าเรื่องราวหลังโศกนาฏกรรม “กระสือสายบ้านโคกอีนวล” ผ่านไป 22 ปี น้อย เลี้ยงดู สาว ลูกสาวที่ได้รับเชื้อกระสือ ทำให้ น้อยและ “บาทหลวงออกัสติน” ร่วมคิดค้นตัวยาที่สกัดจาก ว่านกระสือ เพื่อใช้ในการรักษา สาวได้พบกับ คล้าว โดยบังเอิญ บุตรบุญธรรมของบาทหลวงออกัสติน ที่มีความผิดปกติทางร่างกายแต่กำเนิด ความรักของสาวและคล้าวค่อย ๆ ผลิบานพอ ๆ กับเชื้อร้ายในตัวของสาวที่เริ่มออกอาการมากขึ้นทุกวัน นักลงทุนชาวต่างชาติที่ต้องการตัวกระสือสาว พันธุ์ อดีตทหารรับจ้างจึงถูกจ้างมาเพื่อไล่ล่า สาวจะรอดพ้นเงื้อมมือของพันธุ์ได้หรือไม่

ต้องถือว่า มาพร้อมกับการยกเครื่องครั้งใหม่ เพราะไม่ใช่แค่ทีมนักแสดงชุดใหม่แล้ว หนังยังมีพร้อมกับทีมผู้สร้างชุดใหม่เช่นเดียวกัน นำมาโดย “ปภังกร ปุญจันทรักษ์” ที่เราอาจจะไม่คุ้นชื่อเขาสักเท่าไหร่ในวงการภาพยนตร์ เพราะเขาเป็นผู้กำกับหนังโฆษณาที่เพิ่งก้าวขึ้นมาจับงานสร้างหนังไทยเรื่องยาวเป็นครั้งแรก แล้วงานเดบิวต์ของเขาก็ต้องรับแรงกดดันไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะมีทั้งความหวังจากคอหนังที่ชอบภาคแรก กับงานสร้างสเกลใหญ่ขึ้นจากงานโฆษณา ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่า งานกำกับของ ดี้ ปภังกร ค่อนข้างทำออกมาได้น่าพอใจ ในงานการใส่ใจรายละเอียดและความพิถีพิถันในด้านการออกแบบโปรดักชั่น โดยเฉพาะการสร้างบรรยากาศในหนัง ถือว่าเหมาะเจาะกับการภาพและการจัดแสงสีในหนังเป็นอย่างดี พยายามช่วยบิวท์อารมณ์ผู้ชมได้เรื่อย ๆ ก็ใช้องค์ประกอบธรรมชาติและแวดล้อมต่าง ๆ มาเสริมแต่ง นับว่าหนังถ่ายทอดออกมาได้ค่อนข้างดีทีเดียว ละมุนละไมกับงานสร้างที่ใช้ได้ แต่ดูเหมือนว่า

นั่นอาจจะเป็นเพียงองค์ประกอบเดียวที่ดีของหนังเรื่องนี้ เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ก็ยังค่อนข้างล้มเหลวในการนำเสนอ เพราะเอาเข้าจริง ๆ หนังที่ยาวถึง 2 ชั่วโมงเรื่องนี้ ร้อยเรียงเรื่องราวผ่านไปชั่วโมงเศษ ๆ แล้วก็ยังไม่สามารถจับประเด็นและมองเห็นสิ่งที่หนังต้องการอยากจะสื่อสารออกมาได้ในเรื่องนี้ได้อย่างเด่นชัด บทหนังของ เป็นได้ซับซ้อนและยากเกินจะเข้าใจ แต่หนังดันมาตกม้าตายเพราะการเล่าเรื่องที่ไร้เสน่ห์และไร้จุดโดดเด่นใด ๆ ตลอดทั้งเรื่อง ไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน ไม่มีที่มาที่ไปของตัวละครต่าง ๆ ออกจะน่าเสียดายอยู่ไม่น้อยที่เห็นในเครดิตหนังเรื่องนี้ว่ามีทีมเขียนบทมากถึง 4 คน

แต่ยังไม่สามารถประคับประคองและจัดระเบียบหนังออกมาได้ยังไม่เฉียดเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบ อาจจะต้องไม่นำไปเปรียบเทียบกับหนังต้นฉบับเลยก็ได้ เพราะสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่า…เทียบกันไม่ติด ในขณะที่ภาคก่อนเต็มไปด้วยเสน่ห์และการร้อยเรียงเรื่องที่น่าหลงใหลเป็นจุดเด่น แต่กลับใน ภาคนี้นั้น หาสิ่งที่เคยเห็นจากหนังต้นฉบับไม่เจอเลย ความพยายามสร้างมิติให้กับคาแรกเตอร์ใหม่ในภาคนี้ก็ล้มเหลว เพราะขาดการปูทางและความสมเหตุสมผลที่ควรจะมีไปอย่างน่าผิดหวัง

แสงกระสือ 2 หนังภาคต่อของโศกนาฏกรรมความรักครั้งใหม่รีวิวหนัง แสงกระสือ 2 | การสานต่อโรแมนติกสยองขวัญที่แอบ
ที่โดยรวมถือว่าทำออกมาได้ดีพอสมควร แต่ก็มีส่วนที่ไม่ดีเช่นกัน ตัวหนังมีวัตถุดิบที่ดีแต่ดันเกลี่ยได้ไม่สุดเท่าที่ควร ตัวบทและการเดินเรื่องชวนให้เอื่อย และมุ่งเน้นไปที่ความรักจนเกินไป จนทำให้คนดูนั้นไม่อิน แต่นักแสดงคือที่สุด ทุกคนเล่นดี แต่พี่น้อยคือ MVP ของหนังเรื่องนี้อย่างแท้จริง คะแนน 7/10

นอกจากนั้น แสงกระสือ 2 ยังได้ทีมนักแสดงระดับคุณภาพเกินกว่าคุณภาพของหนังโดยแท้ นักแสดงทุกคนต่างถ่ายทอดบทบาทของตัวเองได้ดีทุกคน แต่ในเมื่อบทหนังและการเล่าเรื่องที่ไม่ส่งเสริมกันและกัน ทำให้องค์ประกอบการแสดงก็ไม่สามารถช่วยพยุงตัวหนังเอาไว้ “เจเจ กฤษณภูมิ” กับ “นิ้ง ชัญญา” แสดงดีแต่กลับยังไม่โดดเด่นที่สุดแบบที่ควรจะเป็น

ในขณะที่ “น้อย กฤษดา” กับ “ปีเตอร์ นพชัย” เรียกได้ว่าเป็นนักแสดงชายตัวท็อปที่ใคร ๆ ก็นึกภาพออก แต่การมาของพวกเขาในหนังเรื่องนี้กลับถูกบดบังราศีตามความไม่สมเหตุสมผลของหนัง ส่วนอีกหนึ่งหนุ่ม “เอม ภูมิภัทร” คนนี้คือรุ่นใหม่ที่มาแรงสุด ๆ เขายังคงมอบการแสดงที่ไม่ผิดหวัง เพียงแต่การมาอยู่ของเขาในหนังเรื่องนี้ออกจะผิดที่ผิดทาง และหนังทำให้เขาดูกลืนไปกับจอเลย

ดังนั้นโดยสรุปแล้ว คงจะต้องบอกว่า แสงกระสือ 2 เป็นหนังภาคต่อที่ไม่จำเป็นจะต้องมีภาคต่อก็ได้ เพราะต้นฉบับก็ทำเอาไว้ค่อนข้างดีมาก เมื่อนำมาต่อเติมเสริมแต่งอีกในครั้งนี้ หลาย ๆ องค์ประกอบยังไม่สามารถฝ่าด่านไปได้ถึง โดยเฉพาะการเล่าเรื่องและขุดแก่นสารของหนังที่ยังค่อนข้างไร้น้ำหนักไปเสียหน่อย ปล่อยให้ผู้ชมนั่งดูอะไรที่แทบจะไม่ได้นับคำอธิบายที่จริงจัง ทิ้งเอาไว้ให้เต็มไปด้วยคำถามเยอะไปหมด ซ้ำแล้วบทสรุปยังทิ้งเอาไว้ด้วยความไม่เคลียร์ใด ๆ เลย

ในหนังภาคแรก ‘แสงกระสือ’ ว่าด้วยเรื่อง ‘รักต้องห้าม’เนรมิตรหนัง ฟิล์ม’ เสิร์ฟตัวอย่างเต็ม ‘แสงกระสือ 2’ ก่อนฉายจริง 30 มีนาคมนี้
ระหว่างคนกับกระสือ เมื่อ น้อย ไปล่วงรู้ความลับของ สาย ว่าเธอเป็นกระสือ แต่ก็ปกปิดไว้เพราะความรัก และช่วยเธอเอาตัวรอดจากกลุ่มนักล่ากระสือที่จ้องจะเอาชีวิตสาย พอมาถึง ‘แสงกระสือ 2’ ซึ่งฉายห่างจากภาคแรกถึงสี่ปี น้อยหนีออกมาจากหมู่บ้านเดิม ก่อนจะเติบโตและพบรักครั้งใหม่ ซึ่งเขาต้องดูแลลูกสาวที่ติด ‘พิษกระสือ’ จากตัวเอง
หลังรับชม ‘แสงกระสือ 2’ จบ เราถึงประมวลได้ว่า จริงๆ แล้ว ทั้งสองภาคนี้มีการเล่าเรื่อง เซตติ้ง และคอนเซปต์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และมีแค่การจับเอาตัวละครเก่าอย่าง น้อย มาต่อยอดเท่านั้น ซึ่งแนวทางการพัฒนามาเป็นภาพยนตร์ภาคสองนี้ มีทั้งสิ่งที่ผู้เขียนชอบและไม่ชอบ จากบทหนัง, พลังทางการแสดง ไปจนถึงเทคนิคพิเศษด้านภาพ

เราเดินออกจากโรงหนังด้วยความรู้สึกปะปนหลายอย่าง หลังจากรับชม ‘แสงกระสือ 2’ เนื่องจากมีหลายประเด็นที่ตีกันในหัว แต่ก่อนจะไปไล่เรียงความรู้สึกใดๆ นั้น เราอยากใช้พื้นที่ช่วงต้น ทบทวนเรื่องราวของ ‘แสงกระสือ’ ภาคแรกกันสักเล็กน้อย เนื่องจากมีตัวละครที่เชื่อมโยงทั้งสองภาคเข้าด้วยกัน นั่นคือ น้อย หนุ่มคนรักของกระสือสาว และยังคงมีบทบาทสำคัญในภาคสองนี้ แม้จะเปลี่ยนนักแสดงไปก็ตาม

โดยในภาคแรก หนังว่าด้วยเรื่อง ‘รักต้องห้าม’ ระหว่างคนกับกระสือ เมื่อ น้อย (โอบ-โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์) ไปล่วงรู้ความลับของ สาย (มินนี่-ภัณฑิรา พิพิธยากร) ว่าเธอเป็นกระสือ แต่ก็ปกปิดไว้เพราะความรัก และช่วยเธอเอาตัวรอดจากกลุ่มนักล่ากระสือที่จ้องจะเอาชีวิตสาย โดยกลุ่มนักล่าดังกล่าว มี เจิด (เกรท-สพล อัศวมั่นคง) หนุ่มที่มั่นคงรักสายข้างเดียวมาเนิ่นนาน ที่เข้าร่วมกลุ่มโดยไม่รู้ว่าสายเป็นกระสือ+

puracash