หนังดนตรี

หนังดนตรี

หนังดนตรี ถ้าเอ๋ยถึง “หนังมิวสิคัล” คนจำนวนไม่น้อย​คงจะนึกถึงหนังที่มีเพลงเนื่องมาจากๆ ในหนัง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความหมายของคำว่า “Musical Movie” เจาะจงเฉพาะเจาะจงกว่านั้น หนังมิวสิคัล คือ การที่บรรจุเพลงประกอบให้เข้ากับเหตุการณ์นั้นๆ ของหนังและสถานะการณ์มีความต้องการที่จะจะสื่อ บอกง่ายๆ คือ หนังที่ใช้เพลงแทนคำกล่าวของผู้แสดงทั้งเรื่องหรือในช่วงใดช่วงหนึ่ง ดังนี้ ลิสหนังที่พวกเรานำมาฝากกันวันนี้ จะเลือกจำเพาะที่ตรงกับคำนิยามของคำว่า “Musical” เพียงแค่นั้น ไม่รวมถึงหนังประกวดร้องเพลง แข่งความสามารทางดนตรี หนังแต่งเพลง หนังที่เกี่ยวกับวงดนตรี แต่ยังไงก็ตาม “รายนามหนังที่พวกเราจัดหาให้” รับรองว่าจำเป็นจะต้องถูกอกจับจิตจับใจคอหนัง Musical จนทำให้คุณต้องคลั่งใคล้และคลั่งไคล้ไปกับเสียงเพลงเนื่องมาจากๆ กับการดำเนินเรื่องที่น่าดึงดูดอย่างแน่ๆ

 

รวมหนัง Musical ร่วมสมัย กับเพลงที่ใคร ๆ ก็ร้องตามได้

เราก็ได้ทำการคัดสรรหนังเพลงมาให้คุณเลือกชมอย่างหลากหลาย ทั้งหนังไทย หนังดนตรี หนังฝรั่ง และหนังญี่ปุ่น บอกได้เลยว่า หนังเพลง ที่เราได้นำมาฝากในวันนี้มีครบทุกรสชาติอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นแนว Romantic Comedy Drama หรือ Fantasy เราก็มีให้คุณเลือกชมค่ะ

 

Across the Universe

นอกจากชื่อหนังเองแล้ว ชื่อของตัวละครหลาย ๆ ตัวในเรื่องนี้ก็มาจากเพลงของ The Beatles แม้แต่สถานที่ เรื่องราวต่าง ๆ ก็ยังซ่อนเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่มีความเกี่ยวข้องกับวงอยู่เนือง ๆ แถมมีตัวละครที่อ้างอิงถึงไอคอนของยุคนั้นทั้ง Jimi Hendrix หรือ Janis Joplin และที่ขาดไม่ได้เลยคือในพาร์ตที่เป็นมิวสิคัลก็มีเพลงของ The Beatles อีกกว่า 30 เพลงที่ถูกนำมา re-arrange เพื่อใช้ดำเนินเรื่อง แถมยังเลือกสรรมาเล่าโยงแต่ละฉากได้อย่างพอเหมาะพอเจาะไปหมด

 

เรื่องราววิพากษ์สังคมอเมริกาในยุค 60s ที่เล่าผ่านความสัมพันธ์หนุ่มสาว จู๊ด (มาจากเพลง Hey Jude) ชายหนุ่มจากลิเวอร์พูล (ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ The Beatles) ระหกระเหินมาอเมริกาและได้พบกับ ลูซี่ (มาจากเพลง Lucy in the Sky with Diamondห) สาวอเมริกันที่ได้รับความบอบช้ำจากสงครามเวียดนามในสมัยนั้น เมื่อดนตรีสานสัมพันธ์ให้เพื่อนฝูง มิตรภาพ และความรักก่อตัวขึ้นท่ามกลางความขัดแย้ง พวกเขาจึงตัดสินใจเข้าสู่ขบวนการต่อต้านสงคราม แต่ก็มิวายที่วันนึงพวกเขาก็จำต้องแยกจากกันด้วยความไม่เข้าใจ แต่สุดท้ายแล้วจู๊ดก็ตัดสินใจกลับมาหาลูซี่อีกครั้งคงเป็นเพราะ All You Need Is Love

 

Singin’ in the rain (1952)

ขึ้นแท่นหนังมิวสิคัลในดวงใจของคนทั่วโลกไปแล้ว สำหรับ Singin’ in the rain หนังเพลงสุดคลาสสิก ที่เป็นตัวเปลี่ยนแปลงวงการภาพยนตร์จากหนังที่เน้นบทพูดให้กลายเป็นหนังที่มีสีสันด้วยเสียงเพลงอย่างแท้จริง โดยหนังบอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มนักแสดงที่ต้องเปลี่ยนหนังเงียบของตัวเองเป็นหนังเพลง จนจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนนักแสดงให้สมกับบทบาทและตกหลุมรักกันในเวลาต่อมา เรื่องนี้มีเพลงประกอบอันขึ้นชื่ออย่าง Singin’ In the Rain ที่ถูกนักร้องรุ่นใหม่เอามาคัฟเวอร์อยู่บ่อย ๆ แถมท่วงท่าการเต้นแท็ปแนวละครเพลงยังช่วยส่งให้กลายเป็นภาพยนตร์อมตะตลอดกาลอีกด้วย

 

Almost Famous

หนังบอกเล่าเรื่องราวของเด็กที่บ้าวงร็อคในยุค 70s ที่ได้งานไปทัวร์กับวงร็อคเพื่อทำสกู๊ปลงนิตยสาร Rolling Stone สังคมหลังเวที การทัวร์ ชีวิตแบบสุดเหวี่ยงทั้งหมดบรรจุลงในหนังเรื่องนี้แล้วเอาเป็นว่าใครอยากเป็นนักข่าว บล็อกเกอร์สายดนตรีไม่ควรพลาด

 

GREASE (1978) กรีส

เรื่องราว หนุ่ม วัยรุ่นยุคฟิฟตีส์อย่าง แดนนี่ กับนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวออสเตรเลีย แซนดี้ พบรักกันหวานชื่นในช่วงฤดูร้อน แต่ทันทีที่ย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงก็ถึงเวลาที่ทุกคนต้องใช้ชีวิตใน โรงเรียนไรเดลไฮอีกครั้ง และในฐานะสมาชิกกลุ่มขาโจ๋ประจำโรงเรียนทีเบิร์ด แดนนี่จึงต้องทำตัวให้ดูเจ๋งอยู่ตลอดเวลา ส่วนแซนดี้นั้นแม้เธอจะมีเพื่อนอยู่ในกลุ่มสาวซ่าอย่างกลุ่มพิงค์เลดี้ ก็ตาม แต่หัวหน้ากลุ่มยังเห็นว่าเธอใสซื่อเกินกว่าที่จะเข้ากลุ่มได้ แซนดี้และแดนนี่สารภาพความในใจที่มีต่อกันด้วยเพลง Hopelessly Devoted to You แต่ก็มิวายมีเรื่องให้งอนง้อกันตามประสา แต่ทั้งคู่ก็คืนดีกันด้วยเพลงอีกเช่นเคย

 

8 Mile

หนังประวัติของ Rapper คนหนึ่งในยุค 00s มองตอนนี้ก็เหมือน Rap is Now นั่นแหละ นำแสดงโดย Eminem ที่มาเป็นแร็ปเปอร์ผิวขาวที่ศิลปินสายนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนผิวดำในหมู่การเหยียดการถูกเขม่นและยังไม่เป็นที่ยอมรับ การดิ้นรนปากกัดตีนถีบเพื่อความฝันและการอยู่รอดของตัวพระเอก ในครอบครัวที่ไม่ได้ดีพร้อมทำให้หนังเรื่องนี้ดูไม่เคยเบื่อ สายแร็ปห้ามพลาดงานคลาสสิคแบบนี้

 

Amy ปี : 2015

อันนี้ออกแนวสารคดีอัตชีวประวัติของ Amy Winehouse นักร้องสาวที่ถูกจัดอยู่ใน Club 27 หนังถ่ายทอดชีวิตขอเธอการแต่งเพลง การทำงาน ชีวิตรัก การทำร้ายตัวเองหรือการเสพยา มีฟุตเทจการสัมภาษณ์ผู้คนต่างๆ รอบตัวเธอเราจึงจะได้รู้ว่าการหาแดกกับคนมีชื่อเสียงมันทำร้ายเธอไม่ต่างจากยาที่เธอเสพเลย

 

THE BLUES BROTHERS 2 กวนผู้ยิ่งใหญ่​

เรื่องราวของ โจเลียต เจค (จอห์น เบลูชิ) และ เอลวู้ด (แดน แอครอยด์) สองพี่น้องตระกูลบลูส์ ผู้รักดนตรียิ่งชีวิต และพวกเขาก็จะก่อวีรกรรมบ้าๆสารพัด เพื่อทำให้โลกแห่งดนตรีมีชีวิตอยู่คู่โลกใบนี้ตลอดไป ครั้งนี้พวกเขามาพร้อมภารกิจของพระเจ้า นั่นคือ การจัดงานคอนเสิร์ตเพื่อหาเงินไปจ่ายภาษีให้กับบ้านเด็กกำพร้า ที่ๆเลี้ยงพวกเขามาตั้งแต่เด็ก เมื่อพวกเขาไปที่ไหน ก็จะเกิดเรื่องกวนไปทุกที่ ทำให้กว่าจะรวบรวมสมัครพรรคพวกมาเปิดคอนเสิร์ตได้ ก็ลุ้นกันแทบแย่

 

WEST SIDE STORY

​ความรักที่กลายเป็นต้นเหตุแห่งความโศกเศร้านี้ เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างเดอะเจ็ทส์กับเดอะชาร์คส์ สองแก๊งนักเลงข้างถนน ฝ่ายหนึ่งคืออเมริกันผิวขาว ส่วนอีกฝ่ายคือพวกเปอร์โตริโก เมื่อโทนี่ (ริชาร์ด บีเมอร์) จากแก๊งเดอะเจ็ทส์ ตกหลุมรักมาเรีย (นาตาลี วู้ด) น้องสาวของหัวหน้าแก๊งเดอะชาร์คส์ มันจึงกลายเป็นมากกว่าสงครามที่พวกเขาจะสามารถรับมือ และทวีความรุนแรงจนถึงขั้นต้องแลกกันด้วยชีวิต

 

School of Rock

หนังที่เข้าฉายเมื่อปี 2003 โดยมีดาวตลกชื่อดังอย่าง แจ็ค แบล็ค รับบทดารานำเรียกเสียงฮาเป็น ดูอี้ ฟินน์ ไอ้หนุ่มคลั่งดนตรีร็อคตกงานที่โดนวงไล่ออก บังเอิญต้องไปเข้าไปสวมรอยสอนหนังสือแทนเพื่อนร่วมห้องอพาร์ทเมนต์ ซึ่งเป็นโรงเรียนลูกผู้ดีสุดเนี้ยบที่เล่นดนตรีคลาสสิคกับคุณครูใหญ่ผู้เจ้ากี้เจ้าการ สุดท้ายก็ทนความร็อคในตัวไม่ไหว ต้องไปตั้งวงกับเด็กๆหลังจากที่เห็นพวกเด็กๆซ้อมดนตรีกับวงออเคสตร้ากันอยู่ ซึ่งเรื่องนี้บรรดาแก๊งค์เด็กที่แสดงต่างมีฝีไม้ลายมือที่ไม่ธรรมดากันเลยเพราะคัดบทนักแสดงกันมาอย่างดี

 

เจ้าหนุ่มดูอี้จะทำอย่างไรกับการปฏิวัติเด็กๆให้มาเป็นวงร็อครุ่นเยาว์สุดจี๊ด และจะฝ่าด่านพ่อแม่รวมไปถึงบรรดาคุณครูท่านอื่นอีกเช่นกัน หนังเรื่องนี้ได้รับคำชมอย่างมากทั้งเรื่องการวางพล็อตและแง่ข้อคิดว่าพ่อแม่ไม่ควรบังคับลูกมากนัก บางครั้งเด็กๆก็ต้องการอิสระทางความคิด ทำให้เรื่องนี้ แจ็ค แบล็ค ได้รับรางวัลดารานำชายยอดเยี่ยมจาก Golden Globe และหนังตลกยอดเยี่ยมจาก MTV Movie Award โดยโกยรายได้ไป 131.3 ล้านดอลลาร์

 

Raise your voice

หนังเรื่องนี้เข้าฉายเมื่อปี 2004 โดยก่อนเข้าฉายนั้นโดนค่อนแคะไม่น้อยว่าเป็นหนังที่ทำเพื่อ ฮิลารี่ ดัฟฟ์ ป็อปสตาร์สาวได้โชว์ตัวเท่านั้น แต่พอเข้าฉายจริงกลับเซอร์ไพร์สคนดูอย่างมาก เพราะนอกจากดัฟฟ์ที่โชว์ให้คนทั่วโลกเห็นว่าเธอไม่ได้มีดีแค่การร้องเพลงโดยตีบท เทอรี่ เฟล็ทเชอร์ นางเอกของเรื่องแตกกระจุยแล้ว พล็อตของเรื่องยังทำมาได้ซึ้งกินใจกับความฝันของสาวน้อยคนหนึ่งที่ต้องการจะเข้าเรียนโรงเรียนดนตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดในลอสแองเจลิส เป้าหมายสุดท้ายคือการชิงทุนการศึกษาก้อนใหญ่ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น

 

เรื่องนี้แฝงไปด้วยข้อคิดมากมายไม่ว่าจะเป็นการแก่งแย่งชิงดีในสังคม, เรื่องปัญหาครอบครัวกับการต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ยอมแพ้ต่อความฝัน หรือปัญหาสีผิวที่พ่อแม่ชาวผิวดำหวังให้ลูกคว้าทุนการศึกษาแต่สังคมจากคนผิวขาวไม่ยอมรับ ตอนจบของเรื่องนี้ให้บทสรุปที่ค่อนข้างดี โกยรายได้ไป 14.6 ล้านเหรียญ ส่งผลให้คนรับรู้ถึงพรสวรรค์ด้านการแสดงของ ฮิลลารี่ ดัฟฟ์ และเพลงประกอบภาพยนต์อย่าง Someone watching over me ที่เธอร้องก็ติดลมบนในชาร์ตเพลงทั่วโลก

puracash